วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทความที่คุณขจี ได้ให้สัมภาษณ์ ลงในหนังสือบ้านและสวนฉบับเดือนพฤษภาคม 2529 พร้อมรูปในอดีต เมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา


บทความที่คุณขจี ได้ให้สัมภาษณ์ ลงในหนังสือบ้านและสวนฉบับเดือนพฤษภาคม  2529 

เรื่อง ของพฤกษาชนคนกับต้นไม้ฉบับนี้ เห็นจะต้องยืมประโยคที่ว่าคนเรานั้นไม่แก่เกินกว่าที่จะเรียนรู้มาใช้เสียแล้ว คนเรานั้นไม่แก่เกินกว่าที่จะเรียนรุ้ และไม่แก่เกินกว่าที่จะเริ่มเล่นต้นไม้ด้วย เหมือนกับราชาแคคตัสท่านนี้



คุณขจี วสุธาร อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เริ่มหันมาให้ความสนใจกับต้นไม้ไร้ใบรูปทรงประหลาด แถมยังมีพิษสงอยู่รอบตัวนี้ เมื่อใกล้อายุจะ 50 ปีเข้าแล้ว

คุณขจี ว่าเตรียมไว้สำหรับงานอดิเรกเมื่อยามเกษียณอายุปัจจุบันคุณขจีอายุ 74 ปีแล้ว ระยะเวลากว่า 20 ปีกับงานอดิเรกชิ้นนี้  แคคตัส  ที่เพิ่มจำนวนพันธุ์ขึ้นมากมาย จนเราอยากจะยกให้เป็นราชาแคคตัส

ทีแรกผมเล่นไม้ประดับมาก่อน ทีนี้มันมากขึ้นๆ เพราะผมไม่ได้ขาย แล้วมันขยายง่าย ก็เลยแน่นเต็มไปหมด ก็มานั่งนึกดูว่าจะเล่นไม้อะไรที่มันกินเนื้อที่น้อยๆ มานึกถึงกล้วยไม้ เขาก็เล่นกันเเยะแล้ว แล้วมันก็กินเนื้อที่เป็นไร่ๆ เลย ก็หันมาเล่นแคคตัส ไปซื้อที่ตลาดนัด เริ่มต้นก็ซื้อต้นละ 10 บาท 15 บาท หลังๆก็ซื้อหนักขึ้นเรื่อยๆ ขยายมากขึ้นไปเรื่อยๆ

แคคตัสนั้นมีทั้งหมดอยู่ประมาณ 5,000 สปีชี่ คุณขจีเป็นเจ้าของอยู่กว่า 1,000 สปีชี่ ซึ่งนับว่ามากทีเดียว
คุณขจีไม่ได้เล่นต้นไม้แบบธรรมดาๆ คือเลี้ยงดูและคอยชื่นชมกับการเติบโต แต่ศึกษาลึกลงไปถึงจีนัส และสปีชี่ของต้นไม้ด้วย อย่างนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นนักเล่นโดยแท้  

ผมว่าถ้าจะเล่นให้ดีต้องศึกษาถึงจีนัสกับสปีชี่ มันจะทำให้เราสนุกขึ้น ที่ไม่ค่อยสนใจกันเพราะที่มีอยู่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมเล่นแล้วผมชอบสั่ง สั่งต้นไม้จากอเมริกาบ้าง ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมัน หรือแอฟริกาบ้าง สั่งทางไปรษณีนี่แหละ มันสะดวก ถ้าสั่งแล้วเค้าจะมีแคตตาล็อก มีชื่อ พอได้มาเราก็รู้ชื่อ ก็ได้ศึกษาจากแคตตาล็อกอีกด้วย จากตำราด้วย บางครั้งก็สั่งเม็ดมาเพาะเอง

ชื่อของแคคตัสแต่ละต้นนั้นก็จะแบ่งเป็นสองตอน  ตอนหน้าเป็นชื่อสกุล (Genus) ตอนหลังเป็นชื่อชนิด (Species)  แล้วต่อท้ายด้วยชื่อของนักพฤกษศาสตร์คนแรกที่บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะ ของต้นไม้นั้นไว้ การเขียนชื่อก็เหมือนกับการเขียนชื่อนามสกุลของคนเรา แต่จะผิดกันตรงที่ว่า สำหรับต้นไม้นั้นเอานามสกุลไว้ข้างหน้า โดยชื่อสกุลนี้จะไม่มีซ้ำกัน ส่วนชื่อชนิดที่อยู่ข้างหลังอาจมีซ้ำกันได้ และแคคตัสก็มีชื่อไทยที่เพราะๆ อยู่หลายชื่อ เช่น ทองประกายพฤกษ์ คฑามรกต ก่องกานดา พลองชมพู เป็นต้น

วิธีการเล่นต้นไม้ของคุณขจีน่าสนใจและน่าเลียนแบบทีเดียว

ถ้าเราเล่นเราก็ต้องทดลองไป อย่างดิน จะมีสมุดจดไว้เลยว่า วันนี้ผสมดินอะไรมั่ง ลองปลูกดูซิว่ามันจะดีไหม ผสมอย่างนี้แล้วต้นไม้จะงามไหม ผมลองตั้งแยะ ถ้าคนสนใจเล่นอย่างนี้งานมันเเยะ แต่มันก็สนุก

และที่กระถางต้นไม้ของคุณขจีจะมีป้ายสีเหลืองเป็นแผ่นเล็กๆ ยาวๆ ปักเอาไว้ทุกต้น ป้ายนี้ไม่เพียงแต่บอกชื่อต้นไม้ แต่จะบันทึกไว้หมดเลยว่า ดินผสมนั้นเป็นเบอร์อะไร เปลี่ยนดินเมื่อไร เปลี่ยนกระถางเมื่อไร และจะมีสมุดบันทึกไว้ด้วยว่ารดน้ำเมื่อไร


ป้ายก็สำคัญนะ มันทำให้เราเล่นต้นไม้ได้อย่างสนุกด้วย อย่างป้ายนี้มีชื่อจีนัสไว้หน้า สีชี่ไว้หลัง บันทึกไว้เลยนะว่าใช้ดินเบอร์ 15 เปลี่ยนอีกทีใช้ดินเบอร์ 16 เปลี่ยนอีกทีใช้เบอร์ 19 ดินที่ผสมมีถึง 30-35 เบอร์
ผมจะบันทึกไว้ว่าผสมอย่างนี้เป็นดินเบอร์นี้ ผมทำอะไรผมบันทึกไว้หมด

กับต้นไม้มีหนามนี้บางครั้งคุณอาจจะขยาด แต่สำหรับคุณขจีแล้ว

พอเล่นแล้วไม่กลัวหรอกนะ กลับเป็นของสวยประจำพันธ์ุแคคตัส เวลาเค้าประกวดเขาจะดูว่าหนามสวยไหม
บางทีเอามาส่องกับแดดแล้วมันสะท้อนแสงสวยมาก ความสวยงามของมันก็แล้วแต่คนเล่นนะ เพราะบางคนดูเท่าไหร่ก็ไม่เห็นสวยเลย เขาก็ไม่รู้จะเล่นทำไม เขาว่ามันแห้งเหี่ยวเกินไป แต่ถ้าชอบแล้วมันก็บ้า คนอื่นเขาคงตาไม่ถึงเหมือนผมมั้ง” (หัวเราะ)


แต่เวลาจะจับก็ต้องจ้องๆ ดูหนามเสียก่อน ค่อยๆ แตะนิดหนึ่งก่อน  หรือจะใช้เครื่องมือช่วยจับก็ที่เปิดกระป๋องนมเนี่ยแหละ เวลาจะปลูกก็ใช้ไอ้นี่แหละที่จับ บางทีก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าเช็ดมือหุ้มเสียก่อน

ถ้าลองเล่นดูแล้ว คุณอาจรู้สึกท้อแท้เหลือเกิน ที่มันช่างโตช้าเสียนี่กระไร ช่างไม่เหมือนกับต้นไม้อื่นๆ ที่ดูจะโตวันโตคืน
     
เรารู้อยู่เเล้วนี่ว่าธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น เมื่อตอนเล่นใหม่ๆ เห็นมันเงางามขึ้นมาเห็นยอดมันสดใส ก็เป็นที่ชื่นใจของคนเล่นแคคตัสแล้ว ยกขึ้นมาประคองดูเชียว ถ้าออกดอกขึ้นมาก็ยิ้มแป้นเลยละ เที่ยวเอาไปอวดคนโน้นคนนี้แล้ว

ลักษณะของต้นไม้ที่จะเรียกว่าเป็น แคคตัสได้นั้น ต้องมีลักษณะที่ตรงกับที่ระบุไว้ 4-5 อย่าง ถึงจะเรียกว่าเป็นแคคตัสได อย่างเช่น ต้องมีเนินหนาม ต้องเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน ต้นไม้บางต้นมีหนามเหมือนกัน แต่ไม่มีเนินหนามก็ไม่จัดว่าเป็นแคคตัส

คนที่สนใจจะเล่นแคคตัสนั้น คุณขจีแนะนำว่าตามตลาดนัดนั้นเขาจะแนะนำให้ เขาจะไม่ให้ซื้อของดีนักหรอก เพราะเขากลัวว่าถ้าเราซื้อไปตายแล้วจะเข็ด ไม่มาซื้ออีก เขาก็อยากจะให้เราเลี้ยงให้มันอยู่ แต่จะเบื่ออย่างหนึ่งคือมันโตช้า บางคนบ่น เอ๊ะ เลี้ยงมา 3 เดือนแล้วไม่เห็นมันกระดิกเลยอย่างนี้ก็มี ร้านแคคตัสบางร้านที่ดีๆ เขาจะมีตำราแจกเลยนะ ส่วนร้านประเภทที่จะมาหลอกขายก็ช่างเถอะ ถ้าอยากขายหนเดียว”  

นักเล่นมือใหม่อาจจะคิดว่าแคคตัสนั้นเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลมากนัก เพราะดูว่าเป็นไม้ที่ทนความแห้งแล้งได้ดี

 การดน้ำต้นไม้ของคุณขจี ปัจจุบันอยู่ที่ลูกสาวคนเล็ก
ไม่เอาใจใส่ไม่ได้นะ ที่เชื่อกันว่าเล่นแคคตัสแล้วไม่ต้องรดน้ำ มันไม่ตายจริง เพราะมันมีน้ำเลี้ยงตัวเอง แต่ไม่งาม เพราะน้ำไม่พอ แคคตัสมีรากรดให้ถึงรากเลย รดให้โชกเลย แล้วไม่รดอีกจนกว่าดินจะแห้ง อย่าให้ดินแฉะค้างอยู่นาน ถ้ารดไม่ถึงราก ต้นไม้กินน้ำไม่ได้ ต้นไม้ถ้าได้น้ำก็เจริญงอกงามดี


ดินต้องไม่ใช่ดินประเภทอุ้มน้ำ ดินต้องผสมให้โปร่งให้ระบายน้ำได้ง่าย แคคตัสมีหลักอยู่ว่ารดน้ำมากได้แต่อย่ารดบ่อย

ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกแคคตัสนั้น โดยทั่วๆไปจะใช้ดินร่วน 2 ส่วน ทรายหยาบ 3 ส่วน ถ่านป่น 1 ส่วน ใบไม้ผุหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน หรืออาจลองใช้ส่วนผสมอื่นๆ เล่น แกลบถั่ว ขี้เถ้าแกลบ อิฐหัก กระดูกเผาป่นผสมเข้าไปด้วย อาจทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามขึ้นกว่าเดิม และข้อสำคัญที่ต้องคำนึงในการผสมดินปลูกแคคตัสก็คือ ดินต้องโปร่ง เมื่อรดน้ำ น้ำจะไหลผ่านได้สะดวก

อาทิตย์สองอาทิตย์ก็ให้ปุ๋ยบ้าง ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ แต่ตอนหลังนี้ผมรดทุกวัน ผสมให้มันบางใสแจ๋วเลยนะ ให้บางมาก คล้ายกับว่าให้มันเข้าไปช่วยทำลายคลอรีนด้วย เดี๋ยวนี้ถ้าจะให้สมบูรณ์ถึงยาถึงปุ๋ย เมื่อก่อนนี้พวกแคคตัสเขาห้ามใส่ปุ๋ยนะ เพราะมันจะงอกงามผิดปกติ บางทีมันจะออกมาเขียวเกินไป ทั้งๆที่มันต้องออกแดงเพราะมันไม่เคยกินดีน่ะ พอมากินดีแล้วมันเลยงามผิดธรรมชาติ ออกมาไม่เหมือนเดิม แต่พองามแล้ว บางทีก็อ่อนแอ เปราะง่าย กระทบง่าย


แคคตัสต้นหนึ่งนั้นก็กินเนื้อที่น้อยอย่างที่คุณขจีว่าจริงๆ ในเรือนแคคตัสของคุณขจี หากจะปลูกต้นไม้ใหญ่ก็คงปลูกได้ไม่ถึง 10 ต้น แต่กับแคคตัสแล้วปลูกได้หลายร้อยต้น เพราะต้นเล็กๆต้นหนึ่งกระถางโตแค่ถ้วยไอศกรีมถ้วยเล็กๆ เท่านั้น กระถางที่ใช้ปลูกแคคตัสก็มีทั้งถ้วยไอศกรีมและกระถางดิน ที่ใช้ถ้วยไอศกรีมนั้นไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย หรือไม่ต้องซื้อเหมือนกระถางดิน แต่มีเหตุผลด้วยเรื่องของการระบายความชื้น

เดี๋ยวนี้เขานิยมกระถางพลาสติก ใช้ถ้วยไอศกรีมก็ได้ เพราะรดน้ำแล้วมันอยู่ได้นานกว่า บางหลักการเขาว่า รากในกระถางพลาสติกจะเดินอยู่แต่ตรงกลาง แทนที่จะกระจายออกไปติดกระถางแบบกระถางดิน ซึ่งโดยมากในกระถางดิน รากจะกระจายเต็มกระถาง เพราะว่าในกระถางพลาสติกความชื้นน้อยกว่า รากจึงอยู่ตรงกลางกระถางมากกว่า เมื่อรากอยู่กลางกระถางก็จะกินอาหารได้ดีกว่า ที่เขาทดลองกันมาปรากฏว่าปลูกในกระถางพลาสติกดีกว่าในกระถางดิน มันจะโตเร็วกว่า


การขยายพันธุ์แคคตัสก็ทำกันได้ง่ายๆ

สำหรับลำต้นบางอย่างก็แกะออกมาปักชำบนดินได้เลย อย่างบางต้นที่เป็นหัวกลมๆ โดยมากจะมีหัวกลมๆ พอกออกมาอีก ก็เอาหัวที่พอกออกมานั้นมาปักชำ ถ้าเผื่อลำต้นเป็นลำ ก็ตัดเอายอดไปปักชำ แล้วมันก็จะแตกออกมาเองอีก

หรืออาจจะมีลูกเล่นต่อแคคตัสสองชนิดเข้าด้วยกันโดยการนำแคคตัสชนิดนึงมาเป็นต้ตตอ ซึ่งจะต้องเป็นต้นที่มีความสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคและแมลง และควรมีออายุอย่างน้อย 1 ถึง 2 ปี อยู่ในระหว่างการเจริญงอกงาม และต้นที่จะนำมาต่อเรียกว่าพันธุ์ต่อยอด ควรเป็นไม้ในสกุลเดียวกันหรือสกุลใกล้เคียงกัน แต่ต่างลักษณะกันออกไป 

การตัดต้นตอและพันธุ์ต่อยอดจะต้องรีบตัดอย่างรวดเร็ว แล้วนำมาต่อทันทีโดยระวังอย่าให้แห้ง ตัดยอดต้นตอ ตัดโคนพันธุ์ต่อยอด วางลงที่ยอดต้นตอ ยึดเข้าด้วยกันด้วยการใช้ไม้จิ้มฟัน หรือเข็มหมุดปักยึด นำไปวางตั้งไว้ในที่ร่ม 2-3 อาทิตย์ ก็จะติดหรืออาจจะตายก็ได้นะ แต่ไม่ยากหรอก คนไม่รู้จะนึกว่ายาก เดี๋ยวนี้เขาต่อกันเป็นว่าเล่น ต่อแล้วไม้โตเร็วอาจจะผิดพันธุ์หน่อย คือไม่ค่อยเหมือน

หรือถ้าจะจัดหลายๆพันธุ์ไว้ในกระถางเดียวกัน มีทั้งแคคตัสและไม้อวบน้ำ อันนี้ก็ต้องระวังกันหน่อย เพราะมันมักจะอยู่ได้ไม่นาน บางทีให้น้ำมากไป ไม้อวบน้ำกินน้ำได้ง่าย เลยกลายเป็นว่าไม้อวบน้ำงามดีแต่แคคตัสเสีย ก็ต้องรู้จักเติมน้ำให้ถูก ให้น้ำมากน้อยต่างกันระหว่างแคคตัสและไม้อวบน้ำ หรือแคคตัสชอบแดด เอาเก็บไว้ในห้องก็ไม่สวย พอเอาออกมาตากแดดไม้อวบน้ำก็เสียอีก ถ้าเลี้ยงเดี่ยวความสวยงามของมันจะคงทนกว่า
คุณขจีบอกว่า อาจเลิกเล่นแคคตัสไปนานแล้ว ถ้าไม่รู้จักเพื่อนๆ ที่สนใจแคคตัสเหมือนกัน เพื่อนที่ว่านี้เป็นชาวต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ และติดต่อกันโดยวิธีเขียนจดหมายโต้ตอบกัน 
  

  


          
ผมเป็นสมาชิกของสมาคมแคคตัสและซัคคิวเลนท์แห่งอเมริกา เขาจัดให้มีการเขียนจดหมายถึงกัน อะราวแปซิฟิกเลยนะ ได้เจอกันทางจดหมายเนี่ยแหละ เขาจะมีแผนกจดหมาย เรียกว่าจดหมายโรบิ้น เขาจะเอาคนรวมกันเข้า 7-8 คน เขียนแล้วก็ส่งต่อไปให้คนโน้นคนนี้ซึ่งเขาจะมีรายชื่อให้เลย เขียนแล้วก็ส่งเวียนกันไปก็ได้อ่านกันหมดพวกนี้อ่านของเราแล้วเขาก็เขียนถึงเรา โต้ตอบกันไป สนุกดี ก็เป็นเพื่อนกันหมด มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นเยอรมัน-อเมริกัน เขียนกันไปเขียนกันมา ผมไปทัวร์ผมก็แวะไปเยี่ยมเขา เขามาเมืองไทยเขาก็มาเยี่ยมเรา มาดูแคคตัสของเรา เขามากันตั้ง 3 หนแล้ว” 
Mrs. Inge Hoffman และครอบครัว วสุธาร 


อย่างนี้นี่มันทำให้เราสนุกขึ้น เราได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ปรึกษากันเขาบอกมาใช้ดินอย่างนั้นดี เราก็ลองมั่ง ถึงแม้ว่าอากาศแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน แต่ก็สนุกดี ไม่อย่างนั้นผมก็คงเลิกเล่นไปนานแล้ว เพราะตอนนั้นคนอื่นๆ เขาก็เลิกเล่นไปหมดแล้ว แต่ผมก็ยังเล่นอยู่ได้เพราะเพื่อนทางจดหมายนี่ด้วย เขาถ่ายรูปอวดเรามั่ง เราถ่ายรูปอวดเขามั่ง
  

 
 
Figure 3 เพื่อน จากญี่ปุ่น และต้นไม้ของเขา


สำหรับสมาคมอย่างนี้ในประเทศไทย มีคนคิดจะให้คุณขจีก่อตั้งขึ้นมาเหมือนกัน
ผมบอกไม่เอา เพราะมันมักจะเจ๊ง มักจะเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามา เดี๋ยวผลประโยชน์ขัดกันแล้วก็ปัดแข้งปัดขากันบ้าง อย่างนี้ไม่มีเจริญ แต่ถ้าทำคล้ายๆ เป็นชมรมมาคุยกัน อย่างนั้นเอา ถ้าทำเป็นตุเป็นตะเป็นสมาคม ทำมาแล้วเจ๊ง ขายหน้าเขาตายคุณขจีทิ้งท้ายคำพูดไว้ด้วยเสียงหัวเราะ


จากการศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ในเรื่องแคคตัสที่สั่งสมมาเนิ่นนาน คุณขจีเคยเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมวิชาการปลูกต้นไม้และตกแต่งต้นไม้สำหรับประชาชนทั่วไป ที่จัดขึ้นโดยกรุงเทพมหานครอยู่หลายรุ่น แต่เนื่องจากปัญหาสุขภาพทำให้ต้องเลิกราไปในที่สุด

แต่ความรู้และประสบการณ์ทั้งหลายนั้นก็ยังคงได้รับการถ่ายทอดสู่ลูกชายของคุณขจี ที่สนใจแคคตัสเป็นงานอดิเรกเช่นเดียวกับพ่อ.....เพื่อเป็นตัวแทนสืบทอดความเป็นราชาแคคตัสต่อไป